คลังเก็บป้ายกำกับ: การเงิน

การเงิน

ธนาคารกรุงศรีฯ พร้อมสนับสนุนสินเชื่อ ESG ให้ภาคธุรกิจเติบโตยั่งยืน

ธนาคารกรุงศรีฯ พร้อมสนับสนุนสินเชื่อ ESG ให้ภาคธุรกิจเติบโตยั่งยืน

 การเงิน

ธนาคารกรุงศรีฯ ลุยตลาด ESG มั่นใจเติบโตต่อเนื่องผ่านเครือข่าย MUFG พร้อมสนับสนุนทางการเงินให้แก่โครงการธุรกิจเพื่อสังคมและความยั่งยืน 50,000-100,000 ล้านบาท ภายในปี 2573

ที่ผ่านมา นายประกอบ เพียรเจริญ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY กล่าวว่า สำหรับปี 2565 ที่ผ่านมา กรุงศรีฯ ประสบความสำเร็จในการดำเนินงาน เพื่อส่งเสริมธุรกิจให้กับลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ โดยยอดสินเชื่อลูกค้าธุรกิจมีอัตราเติบโตอยู่ที่ 2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า มียอดสินเชื่อคงค้างกว่า 474,500 ล้านบาท

ทั้งนี้ กรุงศรีฯ ได้ให้ความสำคัญกับแนวคิดการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลสู่ความยั่งยืน หรือ ESG Financing มาโดยตลอด และในปีที่ผ่านมา กรุงศรีฯ สนับสนุนการเงินเพื่อความยั่งยืนกว่า 35,000 ล้านบาท นับเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของกรุงศรีฯ ในด้าน ESG ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง

สำหรับปีที่ผ่านมา กรุงศรีฯ ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้กลุ่มลูกค้าธุรกิจประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจด้านความยั่งยืนผ่านดีลสำคัญมากมาย อาทิ ร่วมเป็นผู้จัดจำหน่ายตราสารหนี้เพื่อส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability Bond) ให้กับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง

รวมทั้งยังได้รับความไว้วางใจจาก บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทั้งการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Loan: SL) มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท และร่วมจัดจำหน่ายหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน มูลค่าเสนอขายรวม 4,500 ล้านบาท

นายประกอบ กล่าวอีกว่า กรุงศรีฯ ยังได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อส่งเสริม ด้านสิ่งแวดล้อม โดยเป็นผู้จัดจำหน่ายตราสารหนี้เพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Bond) ให้กับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รวมทั้งให้การสนับสนุนสินเชื่อสีเขียว (Green Loan) กับบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)

อัพเดทข่าวการเงิน มาใหม่ แนะนำข่าวเพิ่มเติม :  เพิ่มผลตอบแทนและจำกัดความเสี่ยงขาลง ด้วยกองทุนหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง

การเงิน มีอะไรบ้าง

เพิ่มผลตอบแทนและจำกัดความเสี่ยงขาลง ด้วยกองทุนหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง

ตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงมาตลอดปี 2022 ส่งผลให้เริ่มต้นปี 2023 ด้วยภาพ Valuation ของสินทรัพย์ต่าง ๆ ที่มีความน่าสนใจมากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

ทั้ง FWD P/E หุ้นโลกที่ปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 15 เท่า และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยรอบ 10 ปี ขณะที่อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ 10 ปี สหรัฐฯ ที่บริเวณกรอบ 3.7 – 4.0% ซึ่งเป็นระดับสูงที่ไม่ได้เห็นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบดูเหมือนจะยังมีอยู่มาก ทั้งดอกเบี้ยนโยบายและเงินเฟ้อในระดับสูงกำลังเร่งให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในประเทศสหรัฐฯ และยุโรป สงครามยูเครน-รัสเซียที่ยืดเยื้อ หรือปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน ภายใต้สถานการณ์ข้างต้นทำให้การลงทุนที่ยังสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดี

แต่ในขณะเดียวกันก็ช่วยปกป้องความเสี่ยงในฝั่งขาลง อย่างเช่นกองทุนหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง (Structured Note) เริ่มมีความน่าสนใจมากขึ้น เพราะนอกจากจะสามารถออกแบบให้ปกป้องเงินลงทุนได้แล้วและยังสามารถรับผลตอบแทนได้ตามอัตราการมีส่วนรวม (Participation Rate, PR) ตามการเคลื่อนไว้ของสินทรัพย์ที่อ้างอิง (Underlying Asset)

การเงิน มีอะไรบ้าง

สำหรับรูปแบบการลงทุนของ Structured Note เป็นการนำสินทรัพย์ 2 ชนิด ได้แก่ ตราสารหนี้/หุ้นกู้ที่มีคุณภาพดีผสมผสานกับตราสารอนุพันธ์ที่สามารถให้ผลตอบแทนสูงเข้าด้วยกัน ทำให้สามารถปรับคุณสมบัติให้เหมาะสมกับภาวะตลาดในแต่ละช่วงวงจรเศรษฐกิจได้ เช่น การคุ้มครองเงินต้น พร้อมโอกาสการสร้างผลตอบแทนสูงจากการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์อ้างอิง เช่น ดัชนีตลาดหุ้น กองทุนรวมดัชนี (ETF) กองทุนรวม หรือแม้แต่สินค้าโภคภัณฑ์ได้ทั้งขาขึ้นและขาลง โดยรูปแบบการลงทุนในหุ้นกู้อนุพันธ์จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน

ส่วนแรก จะลงทุนในหุ้นกู้ตามแต่นโยบายลงทุน โดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่ระดับ Investment Grade ขึ้นไป เพื่อรับผลตอบแทนจากดอกเบี้ยเมื่อครบกำหนด ทำให้เงินนลงทุนเติบโตขึ้นเป็น 100% เท่ากับเงินต้นที่ลงทุนไป

ส่วนที่สอง จะถูกนำไปลงทุนในตราสารอนุพันธ์ ประเภทออปชั่น (Options) ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้สร้างผลตอบแทนเพิ่มเติมให้กับผู้ลงทุน เมื่อครบกำหนดเวลา

อีกประเด็นที่สำคัญที่ต้องทำความเข้าใจ คือ ผลตอบแทนที่จะได้รับเมื่อครบกำหนดสัญญา ดูได้จากแผนภาพผลตอบแทนเมื่อครบกำหนด (Pay off) รวมถึงเงื่อนไขอื่นเพิ่มเติม เช่น การกำหนดขอบเขต (Barrier) ว่าหากสินทรัพย์อ้างอิงเคลื่อนไหวหลุดออกจากกรอบที่กำหนดไว้ ผลตอบแทนที่ได้รับจะมีการปรับเปลี่ยนเป็นผลตอบแทนส่วนชดเชย (Rebate Rate) แทน

Structured Note ผูกกับดัชนี S&P 500 ณ วันที่เริ่มต้นดัชนีอยู่ที่ 4,000 จุด โดยมีกรอบสูงสุดที่ +20% และมีอัตราส่วนร่วม (PR) 50% วันที่สิ้นสุดดัชนีอยู่ที่ 4,400 จุด (+10%) และไม่มีวันใดที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นสูงกว่าวันแรกเกิน 20% ผลตอบแทนคำนวณจาก อัตราการมีส่วนรวม (PR) x การเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์อ้างอิง = 50% x 10% = 5%* (ยังไม่รวมผลจากอัตราแลกเปลี่ยน)

นอกจากนี้ ยังมี Dual Shark Fin ที่ Pay off จะคล้ายครีบปลาฉลาม 2 ตัวมาชนกัน ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนได้ทั้งในช่วงสินทรัพย์ขาขึ้นและขาลงไปพร้อมกัน สำหรับคนที่มองว่าราคาสินทรัพย์อาจจะแกว่งตัวในกรอบไม่ไปไหน

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในกองทุนหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงมีความเสี่ยง 3 ประเด็นหลักที่นักลงทุนต้องให้ความสนใจ ประเด็นที่หนึ่ง ความเสี่ยงในการเกิดการผิดนัดชำระหนี้ของผู้ออกตราสารหนี้ (Default Risk) ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงได้โดยการเลือกตราสารหนี้ที่มีระดับลงทุน (Investment Grade) ประเด็นที่สอง คือ ความน่าเชื่อถือคู่สัญญาของตราสารอนุพันธ์/Options เพื่อป้องกันการผิดสัญญา ซึ่งจะส่งผลต่อเงินลงทุนได้ และประเด็นสุดท้ายความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง เนื่องจากนักลงทุนจะต้องถือ Structure Note ไปจนครบกำหนด แม้ว่าระหว่างทางราคาสินทรัพย์จะเคลื่อนไหวนอกกรอบราคาแล้ว

โดยสรุปกองทุนหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทางการเงินที่มีความเสี่ยงต่ำแต่ยังเปิดโอกาสได้รับผลตอบแทนส่วนเพิ่มไปกับการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์อ้างอิง เหมาะสำหรับคนที่อยากลงทุนในสินทรัพย์ แต่ยังมีความลังเลต่อสถานการณ์การลงทุนข้างหน้า หรือมีมุมมองว่าราคาสินทรัพย์อาจจะปรับตัวขึ้นได้จำกัด หรือแกว่งตัวในกรอบแคบ อย่างไรก็ตาม กองทุนหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงเป็นการลงทุนที่มีความซับซ้อน ทำให้นักลงทุนควรจะทำความเข้าใจคุณลักษณะและความเสี่ยงของกองทุนให้ดีก่อนลงทุน

ข่าวแนะนำ : สคฝ.รายงานสถิติเงินฝาก ปี 65 โต 3.36%

การเงิน

สคฝ.รายงานสถิติเงินฝาก ปี 65 โต 3.36%

สคฝ.รายงานสถิติเงินฝาก ปี 65 โต 3.36% พร้อมคุ้มครองเงินฝากใน Virtual Bank เช่นเดียวกับธนาคาร

สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) รายงานสถิติเงินฝาก ณ สิ้นเดือน ต.ค. 65 พบว่าจำนวนผู้ฝากรวม 89.66 ล้านราย เติบโตกว่า 4.46% ครอบคลุมเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครองจำนวน 16.12 ล้านล้านบาท เติบโต 3.36% พร้อมคุ้มครองเงินฝากใน Virtual Bank เช่นเดียวกับธนาคาร ผู้ฝากจะได้รับความคุ้มครองตามวงเงินที่กฎหมายกำหนด 1 ล้านบาท ต่อ 1 รายผู้ฝาก ต่อ 1 ธนาคาร

นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผู้อำนวยการ สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) กล่าวว่า จากรายงานข้อมูลสถิติเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2565 พบว่ามีจำนวนเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง 16.12 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2564 จำนวน 5.25 แสนล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 3.36% โดยส่วนใหญ่มาจากการพักเงินในบัญชีเงินฝากของผู้ฝากรายใหญ่และกองทุนในช่วงที่ตลาดการเงินมีความผันผวน และภาคธุรกิจที่นำเงินมาพักไว้ในบัญชีเงินฝากเพื่อสร้างสภาพคล่องในการประกอบธุรกิจ โดยคาดว่าในปีนี้เงินฝากจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของสถาบันการเงิน

การเงิน

ขณะที่จำนวนผู้ฝากที่ได้รับการคุ้มครองมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 89.66 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากปี 2564 จำนวน 3.83 ล้านราย คิดเป็นการเติบโต 4.46% โดยส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของผู้ฝากบุคคลธรรมดาที่มีเงินฝากน้อยกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันผู้ฝากที่ได้รับความคุ้มครองเต็มจำนวนคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 98.01 (87.88 ล้านราย) ของจำนวนผู้ฝากทั้งหมด ปัจจุบันกองทุนคุ้มครองเงินฝากมีจำนวนรวม 1.37 แสนล้านบาท มีสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง เข้มแข็งและมั่นคง พร้อมคุ้มครองเงินฝากแก่ผู้ฝาก

พร้อมกันนี้สถาบันได้ปรับทิศทางการดำเนินงานให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของนวัตกรรมทางการเงินและการให้บริการทางการเงินรูปแบบใหม่ๆ อาทิ ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา หรือ Virtual Bank ที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันในหลายประเทศทั่วโลก ได้ออกหลักเกณฑ์ใบอนุญาตให้มีการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา หรือ Virtual Bank เช่น ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, เกาหลี, สิงคโปร์, อังกฤษ เป็นต้น สำหรับในประเทศไทยนั้น การฝากเงินของผู้ฝากจะได้รับความคุ้มครองจากสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ตามวงเงินคุ้มครองที่กฎหมายกำหนด จำนวน 1 ล้านบาท ต่อ 1 รายผู้ฝาก ต่อ 1 สถาบันการเงิน เช่นเดียวกัน